หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2567

กระบวนการในการพัฒนาหลักสูตร

 1. กระบวนการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของ  Tyler

      แนวคิดTyler (1949 : 1) อ้างถึงในทัศนีย์  บุญเติม (2549 : 30-41) ในการวางแผนพัฒนาหลักสูตร มี

1)  จุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่โรงเรียนต้องการจะบรรลุมีอะไรบ้าง

2)  ประสบการณ์ทางการศึกษาอะไรบ้างที่จะต้องมี

3) จัดประสบการณ์ทางการศึกษาเหล่านี้ให้มีประสิทธิผลได้อย่างไร

4) จะระบุอย่างไรว่าได้บรรลุจุดมุ่งหมายทางการศึกษาที่กำหนดนั้นแล้วหรือไม่

     Tyler ได้แนะนำว่า ครูควรให้ความสนใจกับประสบการณ์การเรียนรู้ในประเด็นต่าง ๆ

1) การพัฒนาทักษะในการคิด   

2) การช่วยให้ได้รับข้อสนเทศมา     

3) การช่วยพัฒนาเจตคติเชิงสังคม     

        4) การช่วยพัฒนาประโยชน์หรือความสนใจของผู้เรียน

2. กระบวนการพัฒนาหลักสูตรตามแนวคิดของ Taba อ้างถึงในทัศนีย์ บุญเติม (2549 : 37-38)

1)  การวินิจฉัยความต้องการจำเป็น (Diagnosis  of  needs)

2)  การกำหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตร (Formulation  of  objectives)

3)  การคัดเลือกเนื้อหาสาระ (Selection  of  content)

4)  การกำหนดโครงสร้างวินิจฉัยความต้องการจำเป็น  (Organization  of  content)

5)  การคัดเลือกประสบการณ์การเรียนรู้ (Selection  of  learning  experiences)

6)  การกำหนดโครงสร้างของประสบการณ์การเรียนรู้ (Organization  of  learning  experiences)

7)  การกำหนดสิ่งที่จะประเมินและวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ (Determination of evaluate  and  of  the  ways  and  means  of  doing  it)

เมื่อพิจารณาจากกระบวนการพัฒนาหลักสูตรของ Taba เห็นได้ว่ากระบวนการทั้ง 7 ขั้นนี้ยังอยู่ในขั้นตอนแรกของระบบพัฒนาหลักสูตร คือ การเตรียมการใช้หลักสูตรเท่านั้น

จากแนวคิดดังกล่าว จึงนำเสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรที่ปรับขยายแนวคิดการพัฒนาหลักสูตรของ Tyler และ Taba ให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเน้นด้านพื้นฐานของหลักสูตร เพื่อสนองความต้องการของผู้เรียนเป็นรายบุคคลมากขึ้น

ขั้นที่ 1   กำหนดเป้าหมาย  จุดมุ่งหมาย  และขอบเขต (Goals, Objectives, and  Domains)            

ขั้นที่ 2   การออกแบบหลักสูตร (Curriculum  Design)

ขั้นที่ 3   การใช้หลักสูตร (Curriculum  Implementation)

ขั้นที่ 4   การประเมินหลักสูตร (Curriculum  Evaluation)

การพัฒนาหลักสูตรเน้นหนักในด้านพื้นฐานของหลักสูตร การเลือกกิจกรรมให้กับผู้เรียน ความละเอียด รอบคอบในการเชื่อมโยงหลักสูตรสู่การจัดการเรียนการสอน การใช้วิธีการสอน การใช้ทรัพยากร สื่อ และวัสดุ ที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จของการเรียนการสอน

3. กระบวนการพัฒนาหลักสูตรของทัศนีย์ บุญเติมและคณะ

ทัศนีย์ บุญเติม (2549: 11) ได้กล่าวถึงกระบวนการพัฒนาหลักสูตรถึงขั้นตอนและวิธีการเชิงบรรยาย เพื่อให้เข้าใจง่ายผู้รวบรวมกระบวนการพัฒนาหลักสูตรเป็น  5  ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นที่ 1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐานที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องในทุก ๆ ด้าน เช่น  ประวัติหรือปรัชญาการศึกษาสังคมวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การเมือง ผู้เรียน จิตวิทยาพัฒนาการ ทฤษฎีการเรียนรู้ธรรมชาติของเนื้อหา เป็นต้น รวมทั้งการประเมินความต้องการจำเป็นเพื่อให้รู้ข้อมูลต่าง ๆ

ขั้นที่ 2 ต่อจากนั้นจึงดำเนินการร่างหลักสูตร สำเร็จเอกสารหลักสูตรหรือหลักสูตรแม่บท ซึ่งผลจากการร่างหลักสูตรนี้อาจจะได้เอกสารและวัสดุประกอบหลักสูตรอีกด้วย

ขั้นที่ 3 ประเมินผลระบบการร่างหลักสูตร คือ ประเมินปริบท

ขั้นที่ 4 การใช้หลักสูตร ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญเป็นขั้นตอนของการแปลงหลักสูตรไปสู่การสอนเพื่อให้การใช้หลักสูตรมีประสิทธิผล คือ ผลผลิตของหลักสูตรหรือผู้ผ่านหลักสูตร ต้องมีคุณลักษณะตามที่หลักสูตรมุ่งหวัง ยังมีการประเมินระบบการใช้หลักสูตรอีกด้วย โดยพิจารณาจากปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และผลลัพธ์

ขั้นที่ 5 การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตร ซึ่งอาจจะจะต้องมีการประเมินทันที เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้ผลผลิตของหลักสูตร ประเมินผลกระทบที่มีต่อสังคม


วันจันทร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2567

หลักการในการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์

ในการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ในแต่ละครั้งไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาในระดับประเทศ ระดับเขตพื้นที่ หรือระดับโรงเรียน ควรมีหลักการในการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ที่ดีเพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ในแต่ละครั้งเกิดผลลัพธ์ที่เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้เรียนซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ บุญเลี้ยง ทุมทอง (2553, 167) ได้กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่มีขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเป็นระบบระเบียบและเพื่อให้การพัฒนาหลักสูตรดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมายของการพัฒนาอย่างแท้จริง หลักในการพัฒนาหลักสูตร มีดังนี้

1) การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องมีผู้นำที่เชี่ยวชาญและมีความสามารถในงานพัฒนาหลักสูตรเป็นอย่างดี

2) การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือและการประสานงานอย่างดีจากบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกระดับ

3) การพัฒนาหลักสูตรจำเป็นต้องมีการดำเนินการเป็นระบบระเบียบแบบแผนต่อเนื่องกันไป เริ่มตั้งแต่การวางจุดมุ่งหมายในการพัฒนาหลักสูตรนั้นจนถึงการประเมินผลการพัฒนาหลักสูตร ในการดำเนินงานจะต้องคำนึงถึงจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงว่าจะพัฒนาหลักสูตรที่จุดใดจะเป็นการพัฒนาส่วนย่อยหรือพัฒนาทั้งระบบและจะดำเนินการอย่างไรนั้นต่อไป สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ผู้มีหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการจัดหลักสูตร ครูผู้สอน หรือนักวิชาการทางด้านการศึกษาและบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันพิจารณาอย่างรอบคอบ และดำเนินการอย่างมีระเบียบระบบแบบแผนทีละขั้นตอน

4) การพัฒนาหลักสูตรจะต้องรวมถึงผลงานต่าง ๆ ทางด้านหลักสูตรที่ได้สร้างขึ้นมาใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารหลักสูตร เนื้อหาวิชา การทำการทดสอบหลักสูตร การนำหลักสูตรไปใช้ หรือการจัดการเรียนการสอน

5) การพัฒนาหลักสูตรที่มีประสิทธิภาพจะต้องมีการฝึกฝนอบรมครูประจำการให้มีความเข้าใจในหลักสูตรใหม่ ความคิดใหม่ แนวทางการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรใหม่

6) การพัฒนาหลักสูตรจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ในด้านการพัฒนาจิตใจ และทัศนคติของผู้เรียนด้วย

จากหลักการในการพัฒนาหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้นสามารถสรุปถึงหลักการในการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ต้องมีผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่มีความสามารถในการพัฒนาหลักสูตรเป็นผู้นำในกระบวนการพัฒนาหลักสูตร ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มีแผนการในการพัฒนาหลักสูตรอย่างเป็นระบบและดำเนินการตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ และเมื่อดำเนินการพัฒนาหลักสูตรเรียบร้อยแล้วต้องจัดอบรมเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับครูผู้สอนทุกคนเพื่อให้ครูผู้สอนดำเนินการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์


วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2567

ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์

 นักวิชาการและนักการศึกษาได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ ดังนี้

Taba (1962, 454) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงหลักสูตรเดิมให้ได้ผลดียิ่งขึ้นทั้งในด้านการวางจุดมุ่งหมาย การจัดเนื้อหาวิชา การเรียนการสอน การวัดและการประเมินผลอื่น ๆ เพื่อให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายอันใหม่ที่วางไว้ การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบหรือเปลี่ยนแปลงทั้งหมดทั้งจุดมุ่งหมายและวิธีการ และการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรนี้จะมีผลกระทบทางด้านความคิดและความรู้สึกของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ส่วนการปรับปรุงหลักสูตร หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรเพียงบางส่วนโดยไม่เปลี่ยนแปลงแนวความคิดพื้นฐานหรือรูปแบบของหลักสูตร

Good (1973, 157-158) กล่าวไว้ว่า การพัฒนาหลักสูตรเกิดขึ้นได้ 2 ลักษณะ คือ การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตร การปรับปรุงหลักสูตรเป็นวิธีการพัฒนาหลักสูตรอย่างหนึ่ง เพื่อให้เหมาะสมกับโรงเรียนหรือระบบโรงเรียน จุดมุ่งหมายของการสอน วัสดุอุปกรณ์ วิธีสอน รวมทั้งการประเมินผล ส่วนคำว่า การเปลี่ยนแปลงหลักสูตร หมายถึง การแก้ไขหลักสูตรให้แตกต่างไปจากเดิม เป็นการสร้างโอกาสทางการเรียนขึ้นใหม่

Saylor and Alexander (1974, 7) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาหลักสูตรว่า การจัดทำหลักสูตรเดิมที่มีอยู่แล้วให้ดีขึ้น หรือเป็นการจัดทำหลักสูตรใหม่โดยไม่มีหลักสูตรเดิมอยู่ก่อน การพัฒนาหลักสูตรอาหมายรวมถึงการสร้างเอกสารอื่นสำหรับนักเรียนด้วย

ฉวีวรรณ เศวตมาลย์ (2545, 26) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร คือ กระบวนการวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกประเภท เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงตามจุดประสงค์ที่กำหนด โดยมีการวางแผนประเมินผลเพื่อให้ทราบแน่ชัดว่า การเปลี่ยนแปลงในตัวผู้เรียนนั้นบรรลุจุดประสงค์จริงหรือไม่

อัคครัตน์ พูลกระจ่าง (2552, 52) กล่าวว่า การพัฒนาหลักสูตร หมายถึง การสร้างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ทั้งหมดโดยไม่มีหลักสูตรเก่าอยู่เลย หรือปรับปรุงแก้ไขหลักสูตรเก่าที่มีอยู่ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และเทคโนโลยี โดยมีลำดับขั้นตอนเริ่มจากการกำหนดจุดหมาย กำหนดวัตถุประสงค์ เนื้อหาสาระ การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล รวมถึงการผลิตเอกสารต่าง ๆ สำหรับผู้เรียนด้วย

จากความหมายข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า การพัฒนาหลักสูตรคณิตศาสตร์ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงหลักสูตรคณิตศาสตร์ทั้งหมดหรือการปรับปรุงหลักสูตรคณิตศาสตร์เพียงบางส่วน เพื่อให้หลักสูตรนั้นมีความทันสมัยและเหมาะสมกับผู้เรียน 


วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2567

ความสัมพันธ์ของหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนคณิตศาสตร์

จากความหมายของหลักสูตรคณิตศาสตร์ที่ให้ความหมายไว้ว่า หลักสูตรคณิตศาสตร์ คือ ระบบและกลไกในการขับเคลื่อนการจัดการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ในระดับการศึกษาต่าง ๆ เพื่อพัฒนาความเป็นสากล และช่วยพัฒนาความคิดของมนุษย์ทำให้โลกมีความเจริญก้าวหน้า และผู้ที่นำกลไกนั้นมาปฏิบัติจริง คือ ครูผู้สอน ดังนั้นความสัมพันธ์ของหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนคณิตศาสตร์จึงมีความสำคัญคล้ายฟันเฟืองที่มีกลไกการทำงานร่วมกัน ต้องทำงานไปพร้อม ๆ กันจึงจะเกิดผลของงาน นั่นคือ ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนทั้งด้านเนื้อหา ทักษะกระบวนการ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นไปตามที่หลักสูตรกำหนด 

สุนีย์ คล้ายนิล (2558, 15) กล่าวว่า กระทรวงศึกษาธิการทำการเปลี่ยนแปลงหลักสูตรตลอดเวลา บางครั้งก็เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย สำหรับวิชาคณิตศาสตร์สิ่งที่ถูกเน้นย้ำทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือการให้มีความรู้คณิตศาสตร์ บางครั้งแม้จะมีการพูดถึงทักษะคณิตศาสตร์บ้างแต่ก็ในระดับที่อ่อนกว่า อย่างไรก็ตาม ทักษะและความสามารถเชิงคณิตศาสตร์เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับนักเรียน เช่น การรู้วิธีการเรียนรู้ การคิดแบบตรรกะ การคิดแบบมีวิจารณญาณ การคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การสร้างและการใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในชีวิตจริง การวิเคราะห์ปัญหาและการแก้ปัญหา เป็นต้น แต่มีข้อมูลจำนวนมากยืนยันถึงความถดถอยของการศึกษาคณิตศาสตร์ในระดับโรงเรียนซึ่งมีสาเหตุมาจากตัวหลักสูตรที่ไม่ถูกกิเลสกับผู้เรียน ไม่มีความหมายต่อชีวิต และความไม่พร้อมของผู้เรียน ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่อาจแก้ปัญหาได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพราะทั้งหลักสูตร ผู้สอน ผู้เรียน ต่างสัมพันธ์กันเป็นฟันเฟืองที่ทำงานร่วมกัน ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อสร้างอนาคตของประเทศให้ก้าวหน้าและอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างรู้เท่าทันและมีความสุข

มีงานวิจัยจำนวนมากที่สะท้อนให้เห็นว่าหากครูผู้สอนไม่เข้าใจหรือไม่เห็นความสัมพันธ์ของหลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอน จัดทำเอกสารหลักสูตรเพียงเพื่อรับการตรวจประเมิน แยกหลักสูตรออกจากการสอนในชั้นเรียน ทำให้ครูเกิดปัญหาในการจัดการเรียนการสอน และไม่สามารถวิเคราะห์สาระ มาตรฐาน ตัวชี้วัด ไม่อย่างถูกต้องเหมาะสม เช่น

พิณนภัส ตลอดพงษ์, สมคิด พรมจุ้ย และปรีชา เนาว์เย็นผล (2556: 1-12) ได้ทำวิจัยเรื่อง การประเมินหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 ผลการวิจัย พบว่า (1) ความพร้อมด้านปัจจัยเบื้องต้น ได้แก่ ครูผู้สอน สื่อและแหล่งเรียนรู้อยูในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนด้านงบประมาณ อยู่ในระดับปานกลาง ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน (2) ด้านกระบวนการของหลักสูตร ได้แก่ การบริหารจัดการหลักสูตร การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการวัดและประเมินผล อยู่ในระดับมาก ผ่านเกณฑ์การประเมินที่ตั้งไว้  (3) ด้านผลผลิตของหลักสูตร ได้แก่ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 (NT)  ต่ำกว่าระดับสังกัดและระดับประเทศ ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (O-NET) สูงกว่าระดับสังกัดและระดับประเทศ ผ่านเกณฑ์การประเมิน เจตคติของผู้เรียนต่อวิชา คณิตศาสตร์อยู่ในระดับดีขึ้นไปร้อยละ 79.18 ผ่านเกณฑ์การประเมิน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียนทางคณิตศาสตร์อยู่ในระดับดีขึ้นไป ร้อยละ 93.42 ผ่านเกณฑ์การประเมิน และ ความพึงพอใจของผู้ปกครอง อยู่ในระดับดี ผ่านเกณฑ์การประเมิน ส่วนทักษะกระบวนการ ทางคณิตศาสตร์ของนักเรียน อยู่ในระดับดีขึ้นไป ร้อยละ 29.37 ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมิน

          ไชยยศ ไพวิทยศิริธรรม, ภัทราวดี มากมี และเขมณัฏฐ์ มิ่งศิริธรรม (2556:448-456) ได้ทำวิจัยเรื่อง การพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมด้านประเมินผลการเรียนรู้ระดับสูงสำหรับครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลการวิจัยพบว่า 1. หลักสูตรฝึกอบรมด้านประเมินผลการเรียนรู้ระดับสูงสำหรับครูในสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ประกอบด้วยเนื้อหา 5 หน่วย ได้แก่ หน่วยแรก แนวปฏิบัติการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หน่วยที่ 2 การสร้างและออกแบบการจัดการเรียนเพื่อประเมินผลการเรียนรู้ระดับสูง หน่วยที่ 3 เทคนิคการประเมินผลการเรียนรู้ ระดับสูง หน่วยที่ 4 การสร้างและวิเคราะห์คุณภาพเครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้ระดับสูง และหน่วยที่ 5 การนำผลการประเมินไปใช้ รวมจำนวน 18 ชั่วโมง (ภาคทฤษฎี 9 ชั่วโมง และภาคปฏิบัติ 9 ชั่วโมง) 2. ผลการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรฝึกอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญพบว่า หลักสูตรมีความสอดคล้องและมีความเหมาะสมในระดับมาก (ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 เท่ากัน)

          ชนากานต์ ฮึกหาญ และชนสิทธิ์ สิทธิ์สูงเนิน (2558: 116-126) ได้ทำวิจัยเรื่อง การประเมินหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลการวิจัยพบว่า  1. การประเมินบริบท พบว่า หลักสูตรสถานศึกษา ปรัชญา วิสัยทัศน์ พันธกิจ ภารกิจของ สถานศึกษาจุดมุ่งหมายของหลักสูตร โครงสร้างหลักสูตร และสาระการเรียนรู้ และผลการเรียนรู้มีความเหมาะสม 2. การประเมินปัจจัยนำาเข้า พบว่า คุณสมบัติของผู้บริหาร คุณสมบัติของครู คุณสมบัติของ นักเรียน มีความเหมาะสม 3. การประเมินกระบวนการ พบว่า โครงสร้างหลักสูตรและเวลาเรียน ไม่มีความเหมาะสม ควรปรับลดในส่วนของเนื้อหาบางรายวิชาให้น้อยลง แต่การวัดผล ประเมินผล มีความเหมาะสม  4. การประเมินผลผลิต พบว่า ผลการเรียนรู้ 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ นักเรียนที่สำเร็จการศึกษา มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงาน มีความเหมาะสมกับสภาพผู้เรียนและธรรมชาติของวิชา  5. ผลการวิเคราะห์การประเมินผลกระทบ พบว่า ความมีชื่อเสียงของโรงเรียน และกิจกรรม โครงการที่โรงเรียนจัดขึ้นมีผลสะท้อนให้ โรงเรียนสามารถพัฒนาตนเองให้มีคุณภาพ  6. การประเมินประสิทธิผล พบว่า ผลของการใช้ทักษะตามมาตรฐานการเรียนรู้ทั้ง 8 กลุ่มสาระ การเรียนรู้ ของการใช้หลักสูตรสถานศึกษา ตามหลักสูตรแกนกลาง 2551 มีความเหมาะสม  7. การประเมินด้านความยั่งยืน พบว่า ความรู้ความสามารถของผู้เรียน มีความเหมาะสม 8. การประเมินด้านการถ่ายโยงความรู้ พบว่า ผลที่เกิดกับผู้เรียนในการถ่ายทอดความรู้ มีความเหมาะสม

รุ่งนภา ราษฎร์อาศัย และเพิ่มเกียรติ ขมวัฒนา (2558: 70-84) ทำวิจัยเรื่อง การศึกษาการใช้หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาในโรงเรียนราชินี ผลการวิจัยพบว่า ด้านงานบริหารหลักสูตร ผู้บริหารศึกษาวิเคราะห์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรและเอกสารประกอบหลักสูตรต่าง ๆ จัดเตรียมบุคลากร จัดครูเข้าสอน จัดตารางสอน จัดบริการวัสดุหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอน จัดสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ แก่ผู้ใช้หลักสูตร นิเทศติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร และประชาสัมพันธ์หลักสูตรแก่ผู้ปกครองและชุมชน ปัญหาที่พบ ได้แก่ ครูเกษียณและครูลาออกมีกิจกรรมอื่นแทรกทำให้การนิเทศไม่เป็นไปตามกำหนด ด้านงานสอน ครูผู้สอนปรับหลักสูตรให้สอดคล้องกับสภาพของโรงเรียน จัดทำแผนการสอนโดยศึกษาและกำหนดบทเรียนให้สอดคล้องกับหลักสูตร จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายในการพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์และแก้ปัญหาเป็นและมีกิจกรรมเสริมหลักสูตร ดำเนินการพัฒนาและใช้สื่อการเรียนรู้ จัดสอนซ่อมเสริมเป็นรายบุคคล ดำเนินการวัดและประเมินผลการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ปัญหาที่พบได้แก่ โรงเรียนมีกิจกรรมหลายอย่างทำให้การสอนไม่เป็นไปตามแผน สื่อการเรียนการสอนบางอย่างไม่มีประสิทธิภาพ และนักเรียนมีความพร้อมในการเรียนรู้ต่างกัน

เขมภพ นพคุณ, วัลลยา ธรรมอภิบาล อินทนิน และเรวดี กระโหมวงศ์ (2559: 1-11) ได้ทำวิจัยเรื่อง การประเมินการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของโรงเรียนระดับมัยมศึกษา อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส ผลการวิจัย 1) ด้านบริบท พบว่า โรงเรียนมีการกำหนดวัตถุประสงค์ของกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนผ่านเกณฑ์ความเหมาะสมในระดับมากที่สุด 2) ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่าโครงสร้างของกิจกรรมมีการจัดกิจกรรม สาระสำคัญของกิจกรรม คุณสมบัติของครูผู้สอน สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ ผ่านเกณฑ์ความเหมาะสมในระดับมาก 3) ด้านกระบวนการ พบว่า การดำาเนินการ จัดกิจกรรม การวัดและประเมินผล ผ่านเกณฑ์ความเหมาะสมในระดับมาก 4) ด้านผลผลิต พบว่า ทั้ง 5 สมรรถนะสำคัญของ นักเรียน ได้แก่ สมรรถนะที่ 1 ความสามารถในการสื่อสาร สมรรถนะที่ 2 ความสามารถในการคิด สมรรถนะที่ 3 ความสามารถ ในการแก้ปัญหา สมรรถนะที่ 4 ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และสมรรถนะที่ 5 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีผ่านเกณฑ์ความเหมาะสมในระดับมากที่สุด